a-level ไม่ได้ดั่งใจ ยังมีคณะที่ใช่รออยู่ที่จีน

แชร์ประสบการณ์การศึกษาต่อที่ประเทศจีนกับ Jinbu

By น้องเฟิร์น นักศึกษาทุน Nankai University

“ การสัมภาษณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ส่วนตัวเฟิร์นรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมาก เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี แต่ในส่วนนี้ทางพี่ ๆ ทีมงาน Jinbu ก็มีคอร์สสำหรับเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์เป็นเดือน ๆ เลยค่ะ ทำให้เฟิร์นลดความกังวลในส่วนนี้ไปได้มากเลย”

大家好! สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อเฟิร์นนะคะ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ Nankai University (南开大学) ซึ่งหนานไคยังเป็นมหาวิทยาลัยโครงการ *211 และ *985 ของจีน และเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองเทียนจินด้วยค่ะ วันนี้เฟิร์นจะมาแชร์ประสบการ์ณการยื่นทุนกับ Jinbu และประสบการ์ณเรียนต่อที่ประเทศจีน สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมีความคิดที่จะศึกษาต่อเกิดอยากรู้ว่ามหาวิทยาลัยในจีนที่ไหนดี หรือเลือกไม่ถูกล่ะก็! ที่ Jinbu มีตัวเลือกที่หลากหลายและเหมาะสมกับเราแน่นอน

* หมายเหตุ โครงการ 211 เป็นความพยายามครั้งใหม่ของรัฐบาลจีนที่มุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับมหาวิทยาลัยประมาณ 100 แห่งและสาขาวิชาหลักที่มีความสำคัญระดับชาติสำหรับศตรวรรษที่ 21 โครงการ 285 เป็นโครงการที่สร้างสรรค์สำหรับการก่อตั้งมหาวิทยาลัยระดับโลกในศตวรรษที่ 21 ดำเนินการโดยรัฐบาลของประชาชน สาธารณรัฐจีน มีมหาวิทยาลัย 112 แห่งในโครงการ 211 และ 39 มหาวิทยาลัยในโครงการ 985 ในบรรดาโครงการ 985 มหาวิทยาลัย มีมหาวิทยาลัย 9 แห่งที่ประกอบเป็น C9 League ซึ่งถือว่าเทียบเท่ากับ Ivy League ของจีน มหาวิทยาลัยทั้ง 9 แห่งนี้เห็นพ้องต้องกันในเรื่องการยอมรับเครดิตร่วมกัน การแลกเปลี่ยนนักศึกษา การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่การสอน และแบ่งปันทรัพยากรในด้านอื่น ๆ

ความสนใจในการเรียนต่อจีน ทำไมต้องเป็น Jinbu

เริ่มตั้งแต่แรกเลย การเตรียมตัวยื่นทุน เฟิร์นรู้สึกว่าการยื่นทุนเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เอกสารเยอะไปหมด ต้องคอยติดตามทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยตลอด แต่พี่ ๆ ทาง Jinbu ช่วยจัดการจัดแจงเรื่องเอกสารว่าต้องเตรียมอะไรบ้างเป็นส่วน ๆ ไม่ซับซ้อน ทำให้การเตรียมเอกสารของเราราบรื่นแล้วก็ไม่ตกหล่นด้วย นอกจากเตรียมเอกสารที่แสนวุ่นวายแล้วยังต้องไปทำวีซ่าอีก แต่เรื่องวีซ่าไม่ต้องเป็นกังวลเลยค่ะ จะมีพี่ ๆ ทีมงานพาเราไปทำวีซ่า พอเราเตรียมเอกสารครบ ที่เหลือก็มีแค่การเตรียมตัวสัมภาษณ์ นอกจากคะแนนสอบ HSK ที่ยื่นไปแล้ว การสัมภาษณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ส่วนตัวเฟิร์นรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมาก เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี แต่ในส่วนนี้ทางพี่ ๆ ทีมงาน Jinbu ก็มีคอร์สสำหรับเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์เป็นเดือน ๆ เลยค่ะ ทำให้เฟิร์นลดความกังวลในส่วนนี้ไปได้มากเลย ก่อนสัมภาษณ์พี่ที่ดูแลก็ทักมาบอกให้เตรียมตัวก่อน พี่ ๆ ทีมงานละเอียดสุด ๆ รายชื่อไม่ตกหล่นแน่นอน

หลังจากสัมภาษณ์ติดแล้วทาง Jinbu ก็จะมีวันปฐมนิเทศที่มีกิจกรรมเยอะมาก ทำให้เฟิร์นได้รู้จักเพื่อน ๆ จากมหาวิทยาลัยเดียวกันรวมถึงก็เพื่อนมหาวิทยาลัยอื่น ในกิจกรรมนี้ยังมีการเชิญผู้ปกครองมาด้วย พอถึงวันที่บิน พี่ทีมงานก็ยังตามเฟิร์นไปส่งที่สนามบิน แล้วก็ยังมีพี่ ๆ ที่สแตนบายรออยู่ทางสนามบินจีนมารอรับที่ทางออก ทำให้ไม่หลงแน่นอน มีรถรับส่งพวกเราจากปักกิ่งไปเทียนจิน พาเฟิร์นไปส่งถึงที่พักเลย สะดวก ปลอดภัย พ่อแม่วางใจสุด ๆ

เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย

Nankai University (南开大学) หรือมหาวิทยาลัยหนานไค หนึ่งในสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของจีน ที่โดดเด่นทั้งในด้านวิชาการและวัฒนธรรม มาพร้อมกับจุดเด่นหลักในด้านคุณภาพการศึกษาที่หลากหลาย ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการวิจัยที่มีชื่อเสียงซึ่งมีส่วนร่วมในการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ มหาวิทยาลัยหนานไค ตั้งอยู่ในเมืองที่สวยงามและสถานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีและการมีชีวิตอย่างมีความสุขให้แก่นักศึกษา

สภาพแวดล้อมรอบ ๆ มหาวิทยาลัยและสภาพอากาศ

พอเข้ามาสัปดาห์แรกก็จะมีพิธีเปิดแบบอลังการมาก เขาจะให้เราเข้าไปฟังบรรยายเกี่ยวกับความปลอดภัยต่าง ๆ ที่นี่มีอาหารเยอะมาก รสชาติถูกปากสุด ๆ เทียนจินเป็นเมืองที่มีความคล้ายยุโรป ช่วงที่เฟิร์นมาเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี อากาศเย็นสบาย ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ฟ้าสว่างช้ามาก ช่วง 5 โมงเย็นท้องฟ้าก็มืดแล้ว ซึ่งฤดูหนาวในปีนี้มีหิมะตก 2 รอบเลย

หอพักนักศึกษา

เรื่องหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งก็คือเรื่องของที่พัก เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องหอพักเลยไม่ว่าจะหอในหรือหอนอก เพราะทาง Jinbu จะจัดหามาให้เราเลือก ซึ่งของเฟิร์นทีมงานได้แนะนำมา 2 ที่ ได้แก่ Boyu (泊寓) กับ GOYOO (冠寓) เราเลือก GOYOO เพราะว่าเดินทางไปมมหาวิทยาลัยสะดวกมาก จะเดินไปเรียนก็ยังได้ เวลาไปไหนก็มีสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ข้างล่างหอพักเลย บริเวณรอบ ๆ หอก็มีร้านอาหาร ร้านผลไม้ แถมใกล้กับตลาดด้วย ซึ่งที่เฟิร์นอยู่มีการจัดกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยนะ

เพื่อนต่างชาติ

ที่มหาวิทยาลัยหนานไคมีกิจกรรมให้เข้าร่วมเยอะมาก เรียกว่าจัดกิจกรรมกันทุกเทศกาลเลย ทำให้เฟิร์นได้รู้จักกับเพื่อนหลายประเทศ ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน นอกจากนี้ที่นี่ยังให้ความสำคัญกับกีฬามาก มีกีฬาหลากหลายประเภท ทั้งยังมีการจัดแข่งขันกีฬาทุกเทอมด้วยค่ะ

ความประทับใจและสิ่งที่อยากบอกรุ่นน้อง

สำหรับเฟิร์นสิ่งที่ได้รับจากการมาเรียนต่อที่ประเทศจีนคือการได้ออกมาจากเซฟโซนของตัวเองค่ะ เฟิร์นรู้สึกว่าตัวเองได้พบเจอประสบการ์ณใหม่ ๆ มีความคิดหรือมุมมองที่เปิดกว้างมากขึ้น รวมทั้งได้เรียนรู้การพึ่งพาตัวเอง ไปจนถึงวิธีการแก้ไขการจัดการอารมณ์ต่าง ๆ รู้สึกว่านักเรียนต่างชาติที่นี่เยอะมาก ทำให้เรารู้จักเพื่อนหลาย ๆ ประเทศ เรียนที่นี่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอะไรใหม่ ๆ มากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การปรับตัว เพื่อนใหม่ ทำให้เราพัฒนาตัวเองในทุก ๆ วัน