เรียนต่อประเทศจีนตามเมืองที่ชอบ
เรียนต่อในประเทศจีนเป็นการลงทุนในอนาคตของนักเรียนที่คุ้มค่าอย่างมาก จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าและขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การเรียนต่อในประเทศจีนจะช่วยเสริมสร้างความสามารถและความเชี่ยวชาญของนักเรียน นอกจากนี้ การเรียนต่อในจีนยังเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาภาษาจีนของคุณและได้สัมผัสวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตของคนจีนในชีวิตประจำวัน ประเทศจีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่นักเรียนสามารถเลือกเรียนต่อจีนตามเมืองที่ตนเองชอบ
Study in China กับ Jinbu
Jinbu Study in China
ชั้น 3 จามจุรีสแควร์ ถ.พระราม 4 กทม.
MRT สามย่าน ทางออก 2
(จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
เรียนต่อประเทศจีนตามเมืองที่ชอบ
ประเทศจีน (China, 中国) เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งด้านพื้นที่ ประชากร และวัฒนธรรมที่หลากหลาย การที่นักศึกษาไทยสนใจที่จะ เรียนต่อประเทศจีน นั้นไม่เพียงแต่จะได้รับความรู้ทางวิชาการ แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาและการใช้ชีวิตในจีน การเข้าใจถึงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การปกครอง และเทคโนโลยีที่สำคัญ บทความนี้จะพาคุณรู้จักกับประเทศจีนก่อนที่น้องๆ ไปเรียนต่อจีน
ภูมิศาสตร์ของประเทศจีน
ประเทศจีน (China, 中国) ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ทำให้เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากรัสเซียและแคนาดา จีนมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 14 ประเทศ เช่น รัสเซีย มองโกเลีย อินเดีย และเวียดนาม ภูมิประเทศของจีนมีความหลากหลายอย่างยิ่ง ตั้งแต่เทือกเขาสูงเสียดฟ้า ที่ราบสูง ทะเลทราย ไปจนถึงชายฝั่งทะเลที่ยาวกว่า 18,000 กิโลเมตร
ภูมิประเทศของประเทศจีน
ประเทศจีน (China, 中国) มีภูมิประเทศที่หลากหลายและซับซ้อน อันเนื่องมาจากขนาดพื้นที่ที่กว้างใหญ่และตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ครอบคลุมหลายละติจูดและลองจิจูด สำหรับนักศึกษาที่สนใจ เรียนต่อจีน การเข้าใจภูมิประเทศและลักษณะทางธรรมชาติของประเทศนี้จะช่วยให้มีมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรม สังคม และสภาพแวดล้อมในแต่ละภูมิภาค
ภูมิศาสตร์ของประเทศจีนตามภูมิภาคต่าง ๆ
การ เรียนต่อที่ประเทศจีน ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสทางการศึกษา แต่ยังให้คุณได้สัมผัสกับภูมิประเทศที่หลากหลายของประเทศนี้ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจจีนได้ดียิ่งขึ้น เราจะแบ่งภูมิศาสตร์ของจีนตามภูมิภาคต่าง ๆ ดังนี้: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ภาคเหนือของจีน ภาคตะวันออกของจีน ภาคใต้ของจีน และภาคตะวันตกเฉียงใต้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeast China, 东北)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนมีภูมิประเทศที่ประกอบด้วยที่ราบสูงและป่าไม้หนาแน่น พื้นที่นี้มีฤดูหนาวที่ยาวนานและหนาวจัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เรียนต่อที่ประเทศจีน ในสภาพอากาศหนาว เมืองสำคัญได้แก่ ฮาร์บิน (Harbin, 哈尔滨) ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “เมืองน้ำแข็ง” มีเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ (Northwest China, 西北)
ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนมีภูมิประเทศที่แห้งแล้ง ประกอบด้วยทะเลทรายและที่ราบสูง ทะเลทรายโกบี (Gobi Desert, 戈壁沙漠) ตั้งอยู่ในพื้นที่นี้ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก สภาพอากาศแห้งแล้งและมีความแตกต่างของอุณหภูมิสูง ทะเลทรายโกบีเป็นแหล่งฟอสซิลไดโนเสาร์สำคัญ และเป็นที่อยู่ของ อูฐสองโหนก (Bactrian Camel, 双峰驼) การ เรียนต่อที่ประเทศจีน ในภูมิภาคนี้จะเปิดโอกาสให้คุณศึกษาเกี่ยวกับธรณีวิทยาและโบราณคดี
ภาคเหนือของจีน (North China, 华北)
ภาคเหนือของจีนเป็นที่ตั้งของ ที่ราบจีนเหนือ (North China Plain, 华北平原) ซึ่งครอบคลุมมณฑลเหอเป่ย์ ซานตง เหอหนาน และปักกิ่ง เป็นที่ราบที่ใหญ่ที่สุดในจีนตอนเหนือ มีดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการเกษตร ปลูกข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลือง แม่น้ำสำคัญในพื้นที่นี้คือ แม่น้ำฮวงโห (Yellow River, 黄河) ซึ่งมีความยาวประมาณ 5,464 กิโลเมตร ได้รับการขนานนามว่า “แม่น้ำแม่ของจีน” นักศึกษาที่ เรียนต่อ ณ ประเทศจีน ในภาคเหนือจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนโบราณ
ภาคตะวันออกของจีน (East China, 华东)
ภาคตะวันออกของจีนมีชายฝั่งทะเลยาวและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เมืองสำคัญได้แก่ เซี่ยงไฮ้ (Shanghai, 上海) และ หางโจว (Hangzhou, 杭州) พื้นที่นี้มี แม่น้ำแยงซี (Yangtze River, 长江) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในจีนและเอเชีย มีความยาวกว่า 6,300 กิโลเมตร แม่น้ำแยงซีมีบทบาทสำคัญต่อการคมนาคมและเศรษฐกิจ บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของ เขื่อนสามโตรก (Three Gorges Dam, 三峡大坝) การ เรียนต่อ ณ ประเทศจีน ในภาคตะวันออกจะเปิดโอกาสในการศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำและสัมผัสกับความทันสมัย
ภาคใต้ของจีน (South China, 华南)
ภาคใต้ของจีนมีภูมิอากาศแบบเขตร้อน มีป่าฝนและชายหาดที่สวยงาม เมืองสำคัญได้แก่ กว่างโจว (Guangzhou, 广州) และ เซินเจิ้น (Shenzhen, 深圳) นอกจากนี้ยังมี เกาะไห่หนาน (Hainan Island, 海南岛) ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีชายหาดที่งดงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม การ เรียนต่อ ณ ประเทศจีน ในภาคใต้จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลายและโอกาสทางธุรกิจ
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest China, 西南)
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนมีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและที่ราบสูง เทือกเขาหิมาลัย (Himalayas, 喜马拉雅山脉) และ ที่ราบสูงทิเบต (Tibetan Plateau, 青藏高原) ตั้งอยู่ในพื้นที่นี้ เทือกเขาหิมาลัยมี ยอดเขาเอเวอเรสต์ (Mount Everest, 珠穆朗玛峰) สูงถึง 8,848 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่ราบสูงทิเบตได้รับการขนานนามว่า “หลังคาโลก” เนื่องจากมีความสูงเฉลี่ยกว่า 4,500 เมตร ภาคนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าทิเบตและสัตว์ป่าหายาก เช่น แพนด้าแดง (Red Panda, 小熊猫) การ ศึกษาต่อประเทศจีน ในภาคตะวันตกเฉียงใต้จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร
ภูมิศาสตร์ของจีนมีความหลากหลายและน่าทึ่ง การ เรียนต่อประเทศจีน จะเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าคุณจะสนใจภูเขาสูง ทะเลทราย ที่ราบอุดมสมบูรณ์ หรือเมืองทันสมัย จีนมีทุกสิ่งที่คุณกำลังมองหา การเข้าใจภูมิประเทศของจีนจะช่วยให้คุณเลือกสถานที่ศึกษาได้อย่างเหมาะสมและเตรียมตัวสำหรับการผจญภัยทางการศึกษาที่น่าจดจำ
ภูมิอากาศสำหรับนักศึกษาไทยที่ต้องการเรียนต่อประเทศจีน
การ ศึกษาต่อประเทศจีน เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย แต่การเตรียมตัวสำหรับสภาพอากาศที่หลากหลายของประเทศจีนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ภูมิอากาศของจีนมีความหลากหลายอย่างมาก เนื่องจากขนาดพื้นที่ที่กว้างใหญ่และภูมิประเทศที่แตกต่างกัน นักศึกษาที่จะ ศึกษาต่อประเทศจีน ควรทำความเข้าใจสภาพอากาศของภูมิภาคที่ตนจะไปศึกษา เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการ ศึกษาต่อที่ประเทศจีน ที่ประสบความสำเร็จ
ภาคเหนือของจีน
สำหรับนักศึกษาที่ต้องการ เรียนต่อจีน ในภาคเหนือ เช่น มณฑลเฮยหลงเจียง (Heilongjiang, 黑龙江) และ มองโกเลียใน (Inner Mongolia, 内蒙古) ฤดูหนาวยาวนานและหนาวจัด อุณหภูมิอาจลดต่ำถึง -30 องศาเซลเซียส นักศึกษาที่จะ เรียนต่อจีน ในภาคเหนือควรเตรียมเสื้อผ้ากันหนาว เพื่อให้การ เรียนต่อจีน ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข
ภาคใต้ของจีน
การ เรียนต่อที่ประเทศจีน ในภาคใต้ เช่น กว่างโจว (Guangzhou, 广州) และ เซินเจิ้น (Shenzhen, 深圳) จะได้สัมผัสกับภูมิอากาศร้อนชื้น อุณหภูมิสูงถึง 35-38 องศาเซลเซียส นักศึกษาที่จะ ศึกษาต่อประเทศจีน ในภาคใต้ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อความสะดวกสบายในการ เรียนต่อประเทศจีน และการใช้ชีวิตประจำวัน
ภาคตะวันออกของจีน
เมือง เซี่ยงไฮ้ (Shanghai, 上海) และ หางโจว (Hangzhou, 杭州) เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการ เรียนต่อประเทศจีน ภูมิอากาศมีสี่ฤดูที่ชัดเจน นักศึกษาที่จะ เรียนต่อประเทศจีน ในภาคตะวันออกควรเตรียมเสื้อผ้าสำหรับทุกฤดู เพื่อให้การ เรียนต่อประเทศจีน ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
ภาคตะวันตกของจีน
การ เรียนต่อ ณ ประเทศจีน ในภาคตะวันตก เช่น ทิเบต (Tibet, 西藏) และ ซินเจียง (Xinjiang, 新疆) จะได้พบกับภูมิอากาศที่แปรปรวน นักศึกษาที่จะ เรียนต่อ ณ ประเทศจีน ในพื้นที่นี้ควรเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถปรับตัวได้ และระวังเรื่องการปรับตัวกับความสูง เพื่อให้การ เรียนต่อ ณ ประเทศจีน เป็นประสบการณ์ที่ดี
ภาคกลางของจีน
สำหรับการ ศึกษาที่ประเทศจีน ในเมือง ปักกิ่ง (Beijing, 北京) และ ซีอาน (Xi’an, 西安) นักศึกษาควรเตรียมตัวสำหรับสภาพอากาศที่หลากหลาย การเตรียมตัวอย่างดีจะช่วยให้การ ศึกษาที่ประเทศจีน ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
การ เรียนที่จีน ในเมือง ฝูโจว (Fuzhou, 福州) และ เซี่ยเหมิน (Xiamen, 厦门) จะได้สัมผัสกับภูมิอากาศมรสุมเขตร้อน นักศึกษาที่จะ เรียนที่จีน ในภาคนี้ควรเตรียมอุปกรณ์กันฝน เพื่อให้การ เรียนที่จีน ของคุณไม่สะดุด
เกาะไหหลำ
สำหรับผู้ที่ต้องการ เรียนต่อที่ประเทศจีน บนเกาะไหหลำ เมือง ไหโข่ว (Haikou, 海口) และ ซานย่า (Sanya, 三亚) มีภูมิอากาศเขตร้อนตลอดปี นักศึกษาที่จะ เรียนต่อเมืองจีน ที่นี่ควรเตรียมตัวสำหรับสภาพอากาศร้อนและระวังพายุไต้ฝุ่น เพื่อให้การ เรียนต่อเมืองจีน เป็นไปอย่างปลอดภัย
การ เรียนต่อประเทศจีน เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ การเตรียมตัวสำหรับสภาพอากาศที่แตกต่างจะช่วยให้การ เรียนต่อที่เมืองจีน ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ นักศึกษาที่จะ เรียนต่อจีน ควรศึกษาเกี่ยวกับสภาพอากาศและเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้การ เรียนต่อ ณ เมืองจีน เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่สดใส
มาเตรียมตัวให้พร้อมและก้าวสู่อนาคตที่สดใสกับการเรียนต่อประเทศจีน!
ประวัติศาสตร์ของจีน
เกาะไหหลำ
ประวัติศาสตร์ของจีน (China’s History, 中国的历史) มีความยาวนานและซับซ้อน เกิดขึ้นมาเป็นเวลากว่า 5,000 ปี เต็มไปด้วยราชวงศ์ การปฏิวัติ และการพัฒนาทางวัฒนธรรมและวิทยาการที่มีอิทธิพลต่อโลก สำหรับผู้ที่สนใจ เรียนต่อจีน การเข้าใจประวัติศาสตร์จีนจะช่วยให้คุณมีมุมมองที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อวัฒนธรรมและสังคมจีน จิ้นปู้ขอสรุปประวัติศาสตร์สำคัญของจีนตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน โดยในแต่ละราชวงศ์จะระบุปีตามปฏิทินเกรกอเรียน และเปรียบเทียบกับยุคสมัยที่สอดคล้องกันในประวัติศาสตร์ไทย เพื่อให้การ ศึกษาต่อที่ประเทศจีน ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความหมาย
ยุคโบราณและราชวงศ์แรก
- ราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty, 夏朝): ประมาณ 2070 – 1600 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE)
ถือเป็นราชวงศ์แรกของจีน แม้ว่าจะยังมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการมีอยู่จริง แต่ตำนานและบันทึกประวัติศาสตร์ระบุว่าราชวงศ์นี้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งวัฒนธรรมจีน ในช่วงเวลานี้ ตรงกับยุคก่อนประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งมีการตั้งถิ่นฐานของชุมชนยุคหินใหม่และยุคสำริดในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย ซึ่งสำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อที่เมืองจีนก็คงได้ทราบดีจากการเรียนประวัติศาสตร์ไทยและโลก - ราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty, 商朝): ประมาณ 1600 – 1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE)
มีหลักฐานทางโบราณคดีที่ชัดเจน ราชวงศ์นี้มีการพัฒนาการเขียนอักษรจีนแบบโบราณ และมีการใช้โลหะสำริดในการทำอาวุธและเครื่องมือ ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ยังคงเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีการพัฒนาทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของชุมชนยุคสำริด เช่น วัฒนธรรมบ้านเชียง นักเรียนที่เรียนต่อส่วนใหญ่คงได้ทราบว่าเป็นยุดที่กำเกิดอักษรจีน
ยุคจักรวรรดิและราชวงศ์สำคัญ
- ราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty, 周朝): 1046 – 256 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE)
แบ่งเป็นยุคโจวตะวันตกและโจวตะวันออก เป็นยุคที่มีการพัฒนาปรัชญาและศาสนา เช่น ขงจื๊อ (Confucius, 孔子) และเล่าจื๊อ (Laozi, 老子) เมื่อไปเรียนต่อจีนแล้ว นักเรียนจะได้เรียนรู้แนวคิดของทั้ง 2 ท่านได้อย่างดีขึ้น ในประเทศไทย ยังคงเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ แต่มีการพัฒนาทางวัฒนธรรมและการตั้งถิ่นฐานมากขึ้น - ราชวงศ์ฉิน (Qin Dynasty, 秦朝): 221 – 206 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE)
เป็นราชวงศ์ที่ทำการรวมจีนเป็นหนึ่งเดียวครั้งแรก โดยจักรพรรดิฉินฉื่อหวง (Qin Shi Huang, 秦始皇) ที่สั่งสร้างกำแพงเมืองจีนและสุสานทหารดินเผา ซึ่งถ้าไปเรียนต่อที่จีนแล้วจะได้มีโอกาสไปเที่ยวหรือเข้าชมได้ง่ายดาย ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ยังไม่มีการก่อตั้งรัฐหรืออาณาจักรที่ชัดเจน แต่มีชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เริ่มพัฒนา
- ราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty, 汉朝): 206 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 220
เป็นยุคทองของวัฒนธรรมจีน มีการขยายดินแดนและการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศผ่านเส้นทางสายไหม ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ตรงกับยุคเริ่มต้นของการก่อตั้งรัฐโบราณ เช่น ทวารวดี และ ฟูนัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดียและเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากนักเรียนได้ไปเรียนต่อปรพเทศจีนแล้วคงต้องมีโอกาศได้เรียนรู้เพิ่มเต็มได้เยอะ
ยุคกลางและการเปลี่ยนแปลง
- ราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty, 唐朝): ค.ศ. 618 – 907
ถือเป็นยุคที่จีนมีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และวิทยาการถึงไม่ได้ไปเรียนต่อที่ประเทศจีนก็รู้ มีการเปิดกว้างสู่ต่างประเทศและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ตรงกับยุค ทวารวดี และ ศรีวิชัย ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญในด้านศาสนาและการค้า มีการติดต่อกับจีนและอินเดีย - ราชวงศ์ซ่ง (Song Dynasty, 宋朝): ค.ศ. 960 – 1279
มีการพัฒนาทางเทคโนโลยี เช่น การประดิษฐ์แท่นพิมพ์ การใช้ดินปืน และการสร้างเข็มทิศ ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ตรงกับยุคอาณาจักร ลพบุรี และการก่อตั้ง อาณาจักรสุโขทัย เริ่มมีการพัฒนาวัฒนธรรมไทยและการก่อตั้งรัฐไทยแรกเริ่ม น้องๆ ที่เรียนที่จีนได้ดูหนังสือเกี่ยวกับยุดนี้คงได้เอยะ - ราชวงศ์หยวน (Yuan Dynasty, 元朝): ค.ศ. 1271 – 1368
ก่อตั้งโดยกุบไล ข่าน (Kublai Khan, 忽必烈) แห่งจักรวรรดิมองโกล เป็นครั้งแรกที่จีนถูกปกครองโดยชาวต่างชาติ ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ตรงกับยุค อาณาจักรสุโขทัย และการขยายอำนาจของ อาณาจักรล้านนา วัฒนธรรมไทยมีการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว
ยุคใหม่และการเปลี่ยนแปลงสู่สาธารณรัฐ
- ราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty, 明朝): ค.ศ. 1368 – 1644
มีการสร้างกำแพงเมืองจีนส่วนใหญ่ที่เห็นในปัจจุบัน เมื่องไปเรียนต่อประเทศจีนต้องมีโอกาสไปเจออย่างหลีกเลี้ยงได้อยาก และมีการเดินเรือสำรวจของ เจิ้งเหอ (Zheng He, 郑和) ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ตรงกับยุค อาณาจักรอยุธยา ซึ่งเป็นยุคทองของการค้าและวัฒนธรรมไทย มีการติดต่อค้าขายกับจีนอย่างเข้มข้น - ราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty, 清朝): ค.ศ. 1644 – 1912
ราชวงศ์สุดท้ายของจีน ถูกล้มล้างในปี ค.ศ. 1911 ทำให้จีนกลายเป็นสาธารณรัฐ ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ครอบคลุมยุคปลายของ อาณาจักรอยุธยา การก่อตั้ง อาณาจักรธนบุรี และต้น กรุงรัตนโกสินทร์ มีการปฏิรูปและปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย และมีการติดต่อกับชาติตะวันตกมากขึ้น
การปฏิวัติและการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
- การปฏิวัติซินไฮ่ (Xinhai Revolution, 辛亥革命): ค.ศ. 1911
นำโดย ซุน ยัตเซ็น (Sun Yat-sen, 孙中山) ทำให้ราชวงศ์ชิงล่มสลายและก่อตั้งสาธารณรัฐจีน ในประเทศไทย ช่วงเวลานี้ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ซึ่งมีการปฏิรูปประเทศและส่งเสริมการศึกษา และในยุดที่ตามมามีผลต่อการเรียนต่อประเทศจีนอย่างมาก เพราะเป็นยุดที่เปิดประเทศและเปิดโอกาสเรียนรู้วิทยาศสาตร์ เทคโนโลยี และการเมืองดารปกครองสมัยใหม่
โครงสร้างการปกครอง
การแบ่งเขตการปกครอง จีนแบ่งการปกครองออกเป็น 23 มณฑล provinces 省 5 เขตปกครองตนเอง autonomous regions 自治区 4 เทศบาลนคร municipalities 直辖市 ที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของรัฐบาลกลาง และ 2 เขตบริหารพิเศษ special administrative regions 特别行政区 คือฮ่องกงและมาเก๊า
23 มณฑล Provinces 省 :
- มณฑลเหอเป่ย์ Hebei 河北省
- มณฑลซานซี Shanxi 山西省
- มณฑลเหลียวหนิง Liaoning 辽宁省
- มณฑลจี๋หลิน Jilin 吉林省
- มณฑลเฮย์หลงเจียง Heilongjiang 黑龙江省
- มณฑลเจียงซู Jiangsu 江苏省
- มณฑลเจ้อเจียง Zhejiang 浙江省
- มณฑลอันฮุย Anhui 安徽省
- มณฑลฝูเจี้ยน Fujian 福建省
- มณฑลเจียงซี Jiangxi 江西省
- มณฑลซานตง Shandong 山东省
- มณฑลเหอหนาน Henan 河南省
- มณฑลหูเป่ย์ Hubei 湖北省
- มณฑลหูหนาน Hunan 湖南省
- มณฑลกวางตุ้ง Guangdong 广东省
- มณฑลไห่หนาน Hainan 海南省
- มณฑลเสฉวน Sichuan 四川省
- มณฑลกุ้ยโจว Guizhou 贵州省
- มณฑลยูนนาน Yunnan 云南省
- มณฑลส่านซี Shaanxi 陕西省
- มณฑลกานซู Gansu 甘肃省
- มณฑลชิงไห่ Qinghai 青海省
- ไต้หวัน Taiwan 台湾省
5 เขตปกครองตนเอง Autonomous Regions 自治区 :
- กว่างซี Guangxi Zhuang Autonomous Region 广西壮族自治区
- มองโกเลียใน Inner Mongolia Autonomous Region 内蒙古自治区
- ทิเบต Tibet Autonomous Region 西藏自治区
- หนิงเซี่ย Ningxia Hui Autonomous Region 宁夏回族自治区
- ซินเจียง Xinjiang Uyghur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区
4 เทศบาลนคร Municipalities 直辖市 :
- ปักกิ่ง Beijing 北京市
- เซี่ยงไฮ้ Shanghai 上海市
- เทียนจิน Tianjin 天津市
- ฉงชิ่ง Chongqing 重庆市
2 เขตบริหารพิเศษ Special Administrative Regions 特别行政区 :
- ฮ่องกง Hong Kong 香港特别行政区
- มาเก๊า Macau 澳门特别行政区
การแบ่งเขตการปกครองเช่นนี้ช่วยให้จีนสามารถบริหารจัดการพื้นที่กว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักศึกษาที่จะ เรียนต่อประเทศจีน ควรทราบถึงความแตกต่างของแต่ละภูมิภาค เนื่องจากวัฒนธรรม ภูมิอากาศ และภาษาท้องถิ่นอาจแตกต่างกันไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเลือกสถานที่ศึกษาและการปรับตัวกับชีวิตในจีน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน
ประเทศจีน (China, 中国) ได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา การลงทุนอย่างมหาศาลในด้านการวิจัยและพัฒนา ทำให้จีนกลายเป็นผู้นำในหลายสาขาเทคโนโลยีสำคัญ สำหรับนักศึกษาที่ต้องการ เรียนต่อประเทศจีน การเข้าใจถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศนี้จะเปิดโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสทางการศึกษาและอาชีพที่หลากหลาย
เทคโนโลยีอวกาศ : โอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อประเทศจีน
จีนได้สร้างชื่อเสียงในฐานะประเทศที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology, 太空技术) โดยมีความสำเร็จที่น่าทึ่ง เช่น :
- โครงการฉางเอ๋อ (Chang’e Program, 嫦娥工程) : เป็นโครงการสำรวจดวงจันทร์ของจีน ตั้งชื่อตามเทพธิดาจีนที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ โครงการนี้ได้ส่งยานสำรวจหลายลำไปยังดวงจันทร์ รวมถึง ฉางเอ๋อ-4 ที่เป็นยานลำแรกที่ลงจอดบนด้านมืดของดวงจันทร์ในปี 2019 สำหรับนักศึกษาที่ต้องการ ศึกษาต่อที่ประเทศจีน ในสาขาวิทยาศาสตร์อวกาศ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าร่วมโครงการที่ท้าทาย
- สถานีอวกาศเทียนกง (Tiangong Space Station, 天宫空间站) : จีนกำลังสร้างสถานีอวกาศของตนเองชื่อว่า “เทียนกง” หรือ “วังสวรรค์” ซึ่งมีกำหนดการที่จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2022 สถานีนี้จะเป็นศูนย์กลางสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอวกาศ การ เรียนต่อที่ประเทศจีน ในสาขานี้จะเปิดโอกาสในการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
- ยานสำรวจดาวอังคารเทียนเหวิน-1 (Tianwen-1, 天问一号) : ในปี 2020 จีนได้ส่งยานสำรวจไปยังดาวอังคารเป็นครั้งแรก และประสบความสำเร็จในการลงจอดและส่งยานสำรวจพื้นผิว ทำให้จีนเป็นประเทศที่สองที่ทำสำเร็จในภารกิจนี้ การ เรียนต่อจีน ในสาขาวิศวกรรมอวกาศจะเปิดโอกาสในการมีส่วนร่วมในโครงการระดับโลก
การใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ : แนวทางใหม่สำหรับผู้เรียนที่ต่อประเทศจีน
จีนได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างสันติ (Peaceful Use of Nuclear Energy, 核能的和平利用) โดยมีเป้าหมายในการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก :
- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ทันสมัย : จีนมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์น้ำแรงดันรุ่นที่สาม (Generation III Pressurized Water Reactors) ซึ่งมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง นักศึกษาที่ เรียนต่อที่จีน ในสาขาวิศวกรรมนิวเคลียร์จะได้รับประสบการณ์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย
- การวิจัยเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactors, SMRs) : จีนกำลังพัฒนา SMRs ที่สามารถติดตั้งในพื้นที่ห่างไกลหรือใช้สำหรับการผลิตพลังงานในระดับท้องถิ่น การ ศึกษาต่อ ณ ประเทศจีน ในสาขานี้จะเปิดโอกาสในการศึกษาเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลก
- การจัดการกากนิวเคลียร์ : มีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการจัดการและเก็บกากนิวเคลียร์อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นสาขาที่นักศึกษาที่ เรียนต่อจีน สามารถมีส่วนร่วมในการวิจัย
เศรษฐกิจระดับต่ำ : โอกาสใหม่ในการเรียนต่อจีน
เศรษฐกิจระดับต่ำ (Low-Altitude Economy, 低空经济) หมายถึงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่อากาศที่มีความสูงต่ำกว่า 1,000 เมตร เพื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จีนได้เริ่มพัฒนาเศรษฐกิจในด้านนี้อย่างจริงจัง :
- การพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicles, UAVs) : จีนเป็นผู้นำในการผลิตและใช้งาน UAVs สำหรับการส่งของ การสำรวจ การเกษตร และการบรรเทาภัยพิบัติ นักศึกษาที่ต้องการ เรียนต่อที่ประเทศจีน ในสาขาวิศวกรรมอากาศยานจะได้รับประโยชน์จากโอกาสนี้
- การท่องเที่ยวทางอากาศ : การพัฒนาการท่องเที่ยวด้วยเฮลิคอปเตอร์และบอลลูนอากาศร้อน เปิดโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การ เรียนต่อจีน ในสาขาการจัดการการท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
- การบริหารจัดการน่านฟ้าระดับต่ำ : จีนกำลังปรับปรุงกฎหมายและข้อบังคับเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจระดับต่ำอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นักศึกษาที่ เรียนที่จีน ในสาขากฎหมายอากาศยานจะมีโอกาสศึกษาในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
เทคโนโลยีไร้คนขับและยานยนต์อัตโนมัติ : เส้นทางใหม่สำหรับผู้เรียนต่อประเทศจีน
จีนได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ (Autonomous Driving, 无人驾驶) และยานยนต์อัตโนมัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและเศรษฐกิจ :
- การวิจัยและพัฒนา : บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน เช่น ไป่ตู้ (Baidu, 百度) และ อาลีบาบา (Alibaba, 阿里巴巴) กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบปฏิบัติการสำหรับยานยนต์อัตโนมัติ การ เรียนต่อประเทศจีน ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จะเปิดโอกาสในการทำงานกับเทคโนโลยีล้ำสมัย
- การทดลองใช้งานในเมือง : เมืองต่าง ๆ เช่น ปักกิ่ง และ เซินเจิ้น ได้อนุญาตให้มีการทดลองขับยานยนต์ไร้คนขับบนถนนสาธารณะ เพื่อทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพ นักศึกษาที่ เรียนต่อประเทศจีน จะได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่เป็นนวัตกรรม
- การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า : จีนเป็นผู้นำในการผลิตและใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ การ เรียนต่อประเทศจีน ในสาขาวิศวกรรมยานยนต์จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ปัญญาประดิษฐ์และบิ๊กดาต้า : ศูนย์กลางการเรียนต่อประเทศจีนในสาขาเทคโนโลยี
การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence, 人工智能) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data, 大数据) เป็นอีกหนึ่งสาขาที่จีนให้ความสำคัญ :
- การลงทุนของรัฐบาล : จีนได้ประกาศแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ระดับชาติ มุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในสาขานี้ภายในปี 2030 นักศึกษาที่ต้องการ เรียนต่อประเทศจีน ในสาขา AI จะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนนี้
- การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม : เทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแพทย์ การเกษตร การผลิต และการบริการ การ เรียนต่อประเทศจีน จะเปิดโอกาสในการศึกษาและฝึกงานในองค์กรชั้นนำ
- การศึกษาและการวิจัย : มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของจีนกำลังผลิตบุคลากรและงานวิจัยที่มีคุณภาพสูงในสาขา AI การ เรียนต่อประเทศจีน จะให้คุณเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้
เทคโนโลยี 5G และการสื่อสารโทรคมนาคม : โอกาสทองสำหรับผู้เรียนต่อประเทศจีน
จีนเป็นผู้นำในการพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยี 5G ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการสื่อสารของอุปกรณ์ IoT :
- การพัฒนาโครงข่าย 5G : บริษัทอย่าง หัวเว่ย (Huawei, 华为) และ ZTE (中兴通讯) ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ 5G นักศึกษาที่ต้องการ เรียนต่อประเทศจีน ในสาขาวิศวกรรมโทรคมนาคมจะได้รับประสบการณ์ตรง
- การประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม : 5G ถูกนำมาใช้ในการควบคุมเครื่องจักรระยะไกล การแพทย์ทางไกล และยานยนต์อัตโนมัติ การ เรียนต่อประเทศจีน จะเปิดโอกาสในการศึกษาเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลก
- การขยายการเข้าถึง : จีนกำลังขยายโครงข่าย 5G ไปยังเมืองและพื้นที่ชนบท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูล นักศึกษาที่ เรียนต่อประเทศจีน จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างใกล้ชิด
เรียนต่อประเทศจีนเพื่ออนาคตที่สดใสในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนได้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ทั้งในด้านการศึกษาและอาชีพ สำหรับนักศึกษาที่สนใจ เรียนต่อประเทศจีน การเข้าเรียนในสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงทรัพยากรการวิจัยที่ทันสมัย การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก หรือการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลก
ก้าวสู่อนาคตที่สดใสด้วยการเรียนต่อประเทศจีนในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แล้วให้สถาบันจินปู้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสำเร็จของคุณ!
ต่อต่อทีมงานจิ้นปู้
แอด LINE Official
ไม่พลาดทุกโอกาส
ชั้น 3 จามจุรีสแควร์ ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ (MRT สถานีสามย่าน)