เรียนต่อจีนต้องรู้ การสอบ HSK กับ HSKK
1. การสอบ HSK และ HSKK สำคัญต่อการยื่นทุนเรียนต่อจีนอย่างไร
HSK ย่อมาจาก “Hanyu Shuiping Kaoshi” เป็นการสอบวัดระดับความสามารถภาษาจีนที่จัดขึ้นโดย Chinese Test International (CTI) ซึ่งเป็นองค์กรที่วิจัยพัฒนาข้อสอบวัดระดับภาษาจีนของชาวต่างชาติมาอย่างยาวนาน ข้อสอบ HSK มีเนื้อหาครอบคลุม 3 ทักษะได้แก่การฟัง อ่าน และเขียน โดยแบ่งระดับความยากง่ายของข้อสอบออกเป็น 6 ระดับ ดังนี้
HSK ระดับ 1 – สามารถเข้าใจ และใช้คำศัพท์และประโยคภาษาจีนอย่างง่าย พร้อมทั้งมีสมรรถนะในการเรียนภาษาจีนในระดับที่สูงขึ้น โดยผู้เรียนจะต้องมีคลังคำศัพท์ภาษาจีนอยู่ที่ 150 คำขึ้นไป
HSK ระดับ 2 – สามารถใช้ภาษาจีนในการสื่อสารหัวข้อต่าง ๆ ที่พบบ่อยในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างง่ายได้อย่างถูกต้อง โดยผู้เรียนจะต้องมีคลังคำศัพท์ภาษาจีนอยู่ที่ 300 คำขึ้นไป
HSK ระดับ 3 – สามารถใช้ภาษาจีนในการสื่อสารขั้นพื้นฐาน เช่น ใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน และด้านอื่น ๆ โดยผู้เรียนจะต้องมีคลังคำศัพท์ภาษาจีนอยู่ที่ 600 คำขึ้นไป
HSK ระดับ 4 – สามารถใช้ภาษาจีนสื่อสารในหัวข้อที่ค่อนข้างซับซ้อนได้อย่างถูกต้อง และถูกกาลเทศะ โดยผู้เรียนจะต้องมีคลังคำศัพท์ภาษาจีนอยู่ที่ 1,200 คำขึ้นไป
HSK ระดับ 5 – สามารถใช้ภาษาจีนในการอภิปราย ประเมิน และแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่ค่อนข้างนามธรรม พร้อมทั้งสามารถติดต่อสื่อสารกับชาวจีนได้อย่างสะดวกสบาย โดยผู้เรียนจะต้องมีคลังคำศัพท์ภาษาจีนอยู่ที่ 2,500 คำขึ้นไป
HSK ระดับ 6 – สามารถใช้ภาษาจีนในการเข้าสังคมได้อย่างอิสระ และมีทักษะภาษาจีนใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา โดยผู้เรียนจะต้องมีคลังคำศัพท์ภาษาจีนอยู่ที่ 5,000 คำขึ้นไป
โดยการสอบ HSK ในแต่ละระดับมีเกณฑ์การสอบผ่านที่แตกต่างกัน ดังนี้
HSK 1 : ผู้สอบต้องได้คะแนนรวมอย่างน้อย 120 คะแนนจาก 200 คะแนน
HSK 2 : ผู้สอบต้องได้คะแนนรวมอย่างน้อย 120 คะแนนจาก 200 คะแนน
HSK 3 : ผู้สอบต้องได้คะแนนรวมอย่างน้อย 180 คะแนนจาก 300 คะแนน
HSK 4 : ผู้สอบต้องได้คะแนนรวมอย่างน้อย 180 คะแนนจาก 300 คะแนน
HSK 5 : ผู้สอบต้องได้คะแนนรวมอย่างน้อย 180 คะแนนจาก 300 คะแนน
HSK 6 : ผู้สอบต้องได้คะแนนรวมอย่างน้อย 180 คะแนนจาก 300 คะแนน
ทั้งนี้ หากน้อง ๆ อยากได้ทุนเรียนต่อจีน ป.ตรี 4 ปี ควรจะต้องทำคะแนน HSK 4 ให้ได้อย่างน้อย 180 คะแนนขึ้นไป ซึ่งยิ่งน้อง ๆ ได้คะแนนสูง ก็จะยิ่งมีสิทธิ์ได้รับทุนเรียนต่อจีนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ถ้าสมัครโครงการทุน 1+4 จะไม่ต้องสอบ HSK เพราะน้องๆ จะไปเรียนปรับภาษา 1 ปี ก่อนเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี
นอกจากการสอบ HSK แล้ว ทาง “CTI” ยังมีข้อสอบที่ใช้ในการวัดความสามารถในการพูดภาษาจีนโดยฉพาะอย่าง “HSKK” ซึ่งย่อมาจาก “Hanyu Shuiping Kouyu Kaoshi” ซึ่งเป็นการทดสอบการพูดภาษาจีนของผู้เรียนว่าสามารถใช้ภาษาจีนในการพูดสื่อสาได้ในระดับใด ข้อสอบ HSKK สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
HSKK Basic (ระดับต้น) – สามารถเข้าใจ และใช้ภาษาจีนสนทนาหัวข้อในชีวิตประจำวันทั่วไป
HSKK Intermediate (ระดับกลาง) – สามารถเข้าใจ และใช้ภาษาจีนสนทนากับเจ้าของภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว
HSKK Advanced (ระดับสูง) – สามารถเข้าใจ และใช้ภาษาจีนแสดงความคิดเห็นของตนเองในหัวข้อต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ
เวลาสอบ และค่าสมัครสอบ
ระดับที่สอบ | เวลาสอบ HSK | เวลาสอบ HSKK | ค่าสอบ(THB) | ค่าจัดส่งใบผลสอบทางไปรษณีย์ และค่าพิมพ์บัตรประจำตัวเข้าห้องสอบ |
HSK 3 + HSKK ต้น初 | 13:30 - 15:00 | 15:40 - 16:00 | 1,500 | +60 |
HSK 4 + HSKK กลาง 中 | 09:00 - 10:45 | 11:25 - 11:48 | 2,000 | +60 |
HSK 5 + HSKK สูง 高 | 13:30 - 15:35 | 16:30 - 16:55 | 2,500 | +60 |
HSK 6 + HSKK สูง 高 | 09:00 - 11:20 | 16:30 - 16:55 | 3,000 | +60 |
ศูนย์สอบ HSK Jinbu Langueages
ศูนย์สอบ Jinbu Languages (โรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม ก้าวหน้า อาจารย์ไห่ หยาง) ได้จัดตั้งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการวัดระดับภาษาจีน และยื่นทุนเรียนต่อจีน ทาวศูนย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสอบวัดระดับภาษาจีน HSK และ HSKK เพื่อใช้ยื่นมหาวิทยาลัยจีน และทางโรงเรียนที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนภาษาจีนสามารถทราบระดับความรู้ภาษาจีนของตนเอง เพื่อนำไปพัฒนาความรู้ภาษาจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถนำผลสอบไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นทุนเรียนต่อจีน หรือยื่นเพื่อขอใช้ในการพิจารณาเงินเดือนในสถานประกอบการได้
ทางศูนย์สอบ Jinbu Languages ได้รับความร่วมมือจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับการใช้พื้นที่ในการจัดสอบ
ขั้นตอนการสมัครสอบ HSK และ HSKK กับศูนย์สอบ HSK Jinbu Langueages
โดยสามารถติดตามข่าวสาร และสอบถามข้อมูลการสอบ HSK และ HSKK ได้ตามช่องทางต่อไปนี้
Webpage: www.jinbu-scholarship.com
Facebook: Jinbu.study.in.china
Line: @jinbu
โทรศัพท์: 095-589-9901 ครูมิน
2.1) กรอกอีเมลให้ถูกต้อง เพื่อรับข่าวสารและเอกสารสำคัญในการเข้าสอบ
2.2) เลือกระดับที่ต้องการสอบ
2.3) เลือกวัน-เวลาที่ต้องการสอบ
2.4) กรอกชื่อนามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ “ตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น” เช่น SOMCHAI JAIDEE เป็นต้น
2.5) กรอกชื่อภาษาจีนของตนเอง หากไม่มีชื่อภาษาจีนให้เว้นช่องว่างไว้
2.6) เลือกเอกสารที่ใช้สำหรับการยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน
2.7) กรอกรหัสบัตรประชาชน/Passport ให้ถูกต้อง
2.8) เลือกเพศตามบัตรประชาชนของตนเอง
2.9) กรอกข้อมูลวันเกิดของตนเองให้ถูกต้อง (วัน/เดือน/ปีค.ศ.)
2.10) เลือกรหัสสัญชาติ
2.11) เลือกรหัสภาษาแม่
2.12) กรอกเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ในการติดต่อ
2.13) เลือกระยะเวลาในการเรียนภาษาจีนตามความเป็นจริง
2.14) เลือกสัญชาติ เพ่าพันธุ์
2.14) อัปโหลดรูปภาพของตนเอง โดยรายละเอียดรูปภาพมีดังนี้
– รูปถ่ายขนาดมาตรฐานทางการ โดยผู้สอบจะต้องหันหน้าตรง
– ความละเอียดของรูปถ่ายอยู่ที่ 20KB – 1MB
– รูปถ่ายจะต้องมีพื้นหลังสีขาวหรือสีน้ำเงิน
– ห้ามสวมหมวก ผ้าคลุมผม ที่คาดผม หรือแว่นกันแดด
2.15) เมื่อกรอกข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการโอนเงินค่าสมัครสอบตามที่ตนเองเลือก และอัปโหลดใบเสร็จค่าสมัครสอบ เพื่อเป็นการยืนยันการสมัคร หากไม่ได้รับใบเสร็จค่าสมัครสอบ ถือว่าการสมัครสอบยังไม่เสร็จสิ้น
2.16) เมื่ออัปโหลดใบเสร็จค่าสมัครสอบแล้ว ให้ผู้สมัครสแกน QR-Code เข้ากลุ่ม Line OpenChat เพื่อติดตามข่าวสารต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่คุมสอบ
ซึ่งผู้สมัครสามารถเลือกวิธีรับใบอนุญาตเข้าห้องสอบได้ดังนี้
3.1) ผู้สมัครสอบเดินทางมารับใบอนุญาตเข้าห้องสอบที่ Jinbu Languages จามจุรีสแควร์ ชั้น 3 พร้อมเรียนรู้วิธีใช้เครื่องบันทึกเสียงสำหรับสอบ HSKK
3.2) ผู้สมัครสอบรับใบอนุญาตเข้าห้องสอบหน้าสนามสอบ
กฎระเบียบทั่วไปของการสอบ HSK และ HSKK ที่ผู้ยื่นทุนเรียนต่อจีนห้ามพลาด
1. เอกสารและสิ่งที่ผู้เข้าสอบต้องเตรียมมา
- บัตรประชาชน
- ปากกา ดินสอ 2B ยางลบ
- ใบอนุญาตเข้าห้องสอบ (หรือสามารถรับหน้าห้องสอบได้)
2. การสอบ HSK
- ผู้เข้าสอบควรมาถึงบริเวณสนามสอบก่อนเวลาสอบ 1 ชั่วโมง เพื่อทำการยืนยันตัวตนเข้าห้องสอบ
- ผู้เข้าสอบจะต้องเข้าห้องสอบก่อนสอบพาร์ทการฟัง
- เมื่อผู้คุมสอบเปิดเทปเสียงพาร์ทการฟังแล้ว จะไม่อนุญาตให้ผู้สอบเข้าห้องสอบเด็ดขาด โดยผู้สอบที่มาสายจะเข้าห้องสอบได้อีกครั้งในช่วงฝนกระดาษคำตอบหลังฟังเทปเสียงจบ 5 นาที และเมื่อเริ่มสอบพาร์ทการอ่านแล้ว จะไม่อนุญาตให้เข้าห้องสอบทั้งสิ้น และจะถือว่า “ขาดสอบ”
- หากผู้เข้าสอบต้องการเข้าห้องน้ำระหว่างสอบการฟัง จะต้องนำบัตรประชาชนและใบอนุญาตเข้าห้องสอบให้กับผู้คุมสอบ และเดินไปพร้อมกับผู้คุมสอบ “ซึ่งผู้คุมสอบจะไม่เปิดเทปเสียงให้ฟังอีกรอบ”
สิ่งที่สำคัญ
- กรุณาใช้ “ดินสอ 2B” ในการเขียนคำตอบทุกส่วนเท่านั้น
3. การสอบ HSKK
- ผู้เข้าสอบจะต้องเข้าห้องสอบก่อนเริ่มการสอบพูด และเมื่อผู้คุมสอบเปิดเทปเสียงการสอบพูดแล้ว จะไม่อนุญาตให้ผู้สอบเข้าห้องสอบเด็ดขาด และไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบออกจากห้องสอบในระหว่างการสอบพูด หากต้องการออกจากห้องสอบ จะถือว่า “สละสิทธิ์สอบ”
- ลำดับขั้นตอนการสอบ HSKK
- ผู้สอบแนะนำตัวเอง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- 你叫什么名字?คุณชื่อว่าอะไร
- 你是哪国人?คุณเป็นคนประเทศอะไร
- 你的序号是多少?เลขลำดับนั่งสอบของคุณคืออะไร
- ส่วนที่ 1 ผู้สอบจะต้องฟังสัญญาณจากเทปเสียง เมื่อได้ยินเสียง “ตี๊ด” จึงจะเริ่มทำการพูด
- ช่วงเตรียมตัว ผู้สอบมีเวลา 10 นาทีในการเตรียมตัวตอบคำถามส่วนที่ 2 และ 3 โดยผู้เข้าสอบสามารถใช้ “ดินสอ” เขียนคำตอบของตนเองลงบนกระดาษคำถามได้
- ส่วนที่ 2-3 เมื่อหมดเวลาเตรียมตัว จะเริ่มทำการตอบคำถามส่วนที่ 2 และ 3 ทันที โดยเทปเสียงจะพูดเตือนให้ผู้สอบเริ่มตอบคำถามในข้อนั้น ๆ ซึ่งผู้สอบจะต้องตั้งใจฟังสัญญาณจากเทปเสียง
- ผู้สอบแนะนำตัวเอง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
วิธีการใช้เครื่องอัดเสียงของศูนย์สอบ Jinbu Languages หรือ ศูนย์สอบสถาบันขงจื่อ จุฬาฯ
วิธีการตรวจผลสอบ
ผู้สอบสามารถตรวจสอบคะแนนสอบของตนเองได้หลังจากวันที่สอบ 20 – 30 วัน โดยผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ www.chinesetest.cn ใบคะแนนสอบจะได้รับหลังจากประกาศผลสอบอีก 20-30 วัน โดยทาง CTI จะส่งใบคะแนนสอบทั้งหมดมาให้กับศูนย์สอบ Jinbu Languages และผู้สอบสามารถเลือกวิธีรับใบคะแนนสอบได้ดังนี้
- เดินทางมารับใบคะแนนสอบที่ Jinbu Languages (จามจุรีสแควร์ชั้น 3) ด้วยตนเอง
- แจ้งรับคะแนนสอบผ่านทางไปรษณีย์ โดยผู้สอบจะต้องเสียค่าส่งไปรษณีย์เป็นจำนวน 60 บาท
ต่อต่อทีมงานจิ้นปู้
แอด LINE Official
ไม่พลาดทุกโอกาส
ชั้น 3 จามจุรีสแควร์ ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ (MRT สถานีสามย่าน)